อาหารมื้อแรกที่เมืองย่างกุ้ง
เกือบเที่ยงแล้ว เวลาในพม่าจะช้ากว่าของไทยครึ่งชั่วโมง ถ้าที่พม่าเป็นเวลาเที่ยงตรงที่ประเทศไทยก็จะเป็นเวลาเที่ยงครึ่ง มิน่าล่ะพวกเราที่มากันเริ่มบ่นหิวข้าวกันแล้ว
เมื่อนั่งเรือข้ามฝั่งจากเจดีย์กลางน้ำเยเลพญามาขึ้นรถกันครบทุกคนแล้ว นายซายซายบอกว่า ต่อจากนี้ไปเราจะไปกินข้าวเที่ยงกันในเมืองย่างกุ้ง ซึ่งต้องนั่งรถไปอีกประมาณ 25 กม. หรือประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่สภาพการจราจร มีคนที่เคยมาเที่ยวแล้วบอกว่า ที่เมืองย่างกุ้งประเทศพม่านี้ ในตอนเช้าๆซึ่งเป็นชั่วโมงเร่งด่วน รถจะติดมากไม่แพ้ที่ในกรุงเทพฯเลยทีเดียว
เมื่อเลยชั่วโมงเร่งด่วนไปแล้วประมาณสายๆรถก็จะไม่ค่อยติดแล้ว พวกเราจึงสบายใจได้ว่า ตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงแล้วรถจึงจะไม่ค่อยติดเท่าไร คงเข้าเมืองย่างกุ้งอย่างสะดวกสบาย
การกินอาหารในมื้อแรกที่เมืองพม่านั้น ทางทัวร์ก็จะเตรียมจัดให้ไว้แล้ว ว่าจะไปกินกันที่ไหน มาเที่ยวโดยบริษัททัวร์ก็ดีอย่างนี้ การเที่ยวในสถานที่ต่างๆ การกิน การนอน ไม่ต้องห่วงแล้วเรื่องนั้นเขาจัดเอาไว้ให้เราเสร็จตามโปรแกรมของเขา ซึ่งก็ตามราคาที่เราจ่ายไปล่วงหน้าก่อนแล้ว เป็นเรื่องที่สบายใจดี
เรื่องการไปเที่ยวที่ต่างประเทศนั้น อาจจะมีบางคนที่ไปเองไม่ต้องไปกับทัวร์ คนนั้นหรือกลุ่มนั้นที่ไปด้วยกัน จะต้องมีคนใดคนหนึ่งที่มีความรู้เรื่องต่างๆในประเทศนั้นๆ ที่สำคัญคือต้องรู้ภาษาของเขาเป็นอย่างดีด้วย จึงจะไปเที่ยวกันอย่างสนุก มิฉะนั้นจะยุ่งยากหลายๆเรื่องถ้าเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย ภาษาก็พูดกับเขาไม่ได้ไม่ดีแน่ๆเลยครับ
เมื่อสองสามปีมาแล้วน้องสาวของผมนี่เอง เขาอยากไปเที่ยวสิงค์โปร์ แล้วก็มาปรึกษากับน้องและหลานๆ ว่าอยากไปเที่ยวสิงค์โปร์ หลานคนหนึ่งก็บอกว่า แค่ไปสิงค์โปร์เท่านั้นไม่ต้องไปทัวร์หรอกไปกันเองนี่แหละ
จากนั้นมาหลานคนนั้นก็ไปซื้อตั๋วเครื่องบิน เมื่อถึงเวลาก็ไปขึ้นเครื่องบินที่สุวรรณภูมิ การกินอยู่ เรื่องที่พักที่สิงค์โปร์ หรือจะเดินทางจากโรงแรมไปที่ไหนบ้างก็ เป็นการยุ่งยากมาก จนไม่อยากออกไปที่ไหนเลย จนกระทั่งกลับ เขาบ่นให้ผมฟังว่า เข็ดจริงๆเลย เที่ยวหลังอยากไปไหนไปกับทัวร์แหละดีที่สุด
ขณะที่รถกำลังวิ่งไปเมืองย่างกุ้งเพื่อไปกินอาหาร ไกด์ของเราคือนายซายซาย ก็เริ่มทำหน้าที่ของเขา เขานั่งประจำที่ๆใกล้ๆคนขับแล้วก็เริ่มบรรยาย ในตอนนี้พวกเราจะไปกินอาหารกัน นายซายซายก็จะพูดถึงเรื่องอาหารการกินในประเทศพม่าให้เราทราบเป็นความรู้ไปด้วย
แกบอกว่า “ภัตตาคารที่เราจะไปกินกันนี้ คือภัตตาคาร Western Park Ruby นับว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองนี้ (นายซายซายยกมือขึ้นมาแล้วชูหัวนิ้วโป้ง) มีข้าราชการ พ่อค้า คหบดี มากินกันที่นี่ กันเป็นประจำ
บางทีก็มีคนใหญ่คนโตของพม่าและบางทีก็มีดาราดังๆของทั้งพม่าและดาราไทยก็เคยมากินอาหารที่นี่ เจ้าของภัตตาคารแห่งนี้เขาจะถ่ายรูปขยายบานใหญ่ๆ ติดเอาไว้ที่ผนัง เดี๋ยวเราไปถึงแล้วเราก็จะเห็นเอง ” นายซายซายกล่าวยิ้มๆ จึงทำให้ไม่เห็นฟันที่เลี่ยมทอง
สักพักใหญ่ๆรถก็วิ่งเข้ามาที่ในตัวเมืองย่างกุ้งแล้ว นายซายซายก็พูดอธิบายสิ่งต่างๆในพม่าที่เราจะไป เช่นภัตตาคารที่เราจะไปกินกันซึ่งเกือบถึงแล้ว นายซายซาย ก็มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาเล่าให้พวกลูกทัวร์ของเขาฟัง
ก็ดีมากครับ นอกจากเพลิดเพลินดีมากแล้ว ก็ยังได้ความรู้ไปในตัวด้วย ให้สมกับที่มาที่พม่าทั้งที ไม่ได้อะไรติดตัวไปบ้างเลยก็แย่แล้วเสียเที่ยวเปล่าๆครับ
รถบัสที่พาพวกผมนั่งมาวิ่งวกวนอยู่ในตัวเมืองพักหนึ่ง เหมือนกับจะให้พวกผมนั่งชมตลาดของเขาด้วย แต่พวกผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าที่นั่นคืออะไร ตลาดอะไร ถนนอะไร มีป้ายติดไว้ก็อ่านไม่ออก ถึงแม้ว่าไกด์คือนายซายซายจะบอก พวกเราก็จำไม่ได้หรอกครับ
ใกล้เที่ยงเต็มทีแล้ว รถบัสคันนี้จึงเลี้ยวไปส่งพวกผมที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง นายซายซายบอกว่า
“ ถึงแล้วครับนี่คือภัตตาคาร Western Park Ruby ที่พวกเราจะรับประทานกันที่นี่เป็นเมื้อแรกของพวกคุณที่ได้เดินทางมาถึงประเทศพม่าครับ “ พูดพลางชี้ไปทางอาคารหลังหนึ่ง ซึ่งมีรถทัวร์และรถอื่นๆจอดอยู่ก่อนแล้ว
รถบัสจอดสนิทริมฟุตปาตแล้ว พวกเราต่างก็รีบก้าวลงจากรถกันทันทีเพราะว่าเวลานี้เวลาในพม่าเที่ยงแล้ว เราเพิ่งจะเปลี่ยนจากไทยมาเมื่อตอนที่มาถึงสนามบินพม่านี่เอง ดังนั้นเวลาที่ไทยตอนนี้คงเป็น เที่ยงครึ่งหรือมากกว่านั้นแล้ว หิวข้าวกลางวันกันแล้วละครับตอนนี้
รถบัสที่มาส่งพวกเราเมื่อพวกเราลงจากรถกันหมดแล้ว เขาก็เคลื่อนรถไปหาที่จอดที่อื่นเพื่อไม่ให้มาจอดบังหน้าร้านของเขา จะไปจอดที่ไหนก็ตามใจ พอถึงเวลาจะกลับ นายซายซาย ไกด์ของเราก็คงจะโทรฯไปบอกคนขับรถให้มารับพวกเราเอง เขาคงปฏิบัติดังนี้จนกว่าพวกเราจะกลับไทยนั่นแหละครับ
ที่ประตูร้านอาหารหรือภัตตาคารแห่งนี้ มีสุภาพสตรีท่านหนึ่ง แต่งกายสวยงาม รู้สึกว่าจะเป็นเครื่องแบบของทางภัตตาคาร ยืนต้อนรับผู้ที่มากินอาหารที่นี่ ก็คงเหมือนๆกันทั่วๆไปนะครับ ผมก็เคยเห็นร้านอาหารของไทยหลายๆแห่งก็ จะมีพนักงานต้อนรับอย่างนี้เหมือนกัน
บริษัททัวร์น่าจะเหมือนกันหมด คือการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้วอย่างกรณีนี้เป็นต้น พอพวกเราเข้าประจำโต๊ะกลมๆกันหมดแล้ว โดยเขาจัดให้นั่งโต๊ะๆละ 8 คน ก็เหมือนๆกับโต๊ะจีนโดยทั่วๆไปของทางบ้านเรา แต่ของทางบ้านเราโต๊ะหนึ่งนั้นอัดกันนั่งไปได้ตั้ง 10 คนแนะครับ
ไม่นานนักอาหารก็มาหลายๆอย่างพร้อมๆกันเลยเต็มโต๊ะไปหมด นี่แสดงให้เห็นว่าเขาสั่งล่วงหน้าเอาไว้แล้ว และอาหารที่เขาสั่งมานั้นเขาก็คิดว่าอร่อยดีที่สุดแล้ว คงไม่มีอะไรที่ต้องเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมแต่อย่างใด เรียกว่ามีอะไรให้กินก็กินกันหมดแหละ ก็หิวนี่ครับ พนักงานที่เสริฟ อาหารของเขาแต่งกายเรียบร้อยพอสมควร และทำงานคล่องด้วย
อาหารที่บริษัททัวร์เป็นผู้สั่งล่วงหน้ามาให้เรากินนั้นเรียกว่าใช้ได้เลย มองดูแล้วก็น่าจะอร่อย ที่นี่คงจะคิดว่าเป็นอาหารชั้นหนึ่งของเขาแล้ว มื้อนี้ที่มองเห็นก็มีกุ้งมังกรตัวหนึ่งซึ่งเขาแล่เนื้อและปรุงมาแล้ว พร้อมถ้วยน้ำจิ้ม
มีหัวกุ้งมังกรหัวหนึ่งตั้งโชว์เอาไว้กลางโต๊ะด้วย เขาบอกว่าเนื้อของมันเอามาทำให้อยู่ข้างๆหัวกุ้งนั่นแหละ (ผมว่าหัวกุ้งนี้คงตั้งโชว์อย่างนี้มานานแล้ว) นอกนั้นก็มีอีกหลายอย่าง ซึ่งผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหาร จึงไม่ขออธิบายว่ามีอะไรบ้าง ดูรูปที่ถ่ายมาก็แล้วกันนะครับ
อาหารมื้อนี้นับว่าอร่อยมาก มีปลาตัวใหญ่ (ที่ไม่รู้ว่าปลาอะไร) คนที่นั่งด้วยกันบอกว่าน่าจะเป็นปลาทะเลชนิดหนึ่ง แต่อีกคนบอกว่าคงเป็นปลาเก๋าละนะ ส่วนผมไม่ได้ออกความเห็นอะไร ตักมาชิมดูก็รู้สึกว่าเนื้อแข็งเหนียว (มาก) ไม่เหมือนปลาช่อน ปลาดุกทางบ้านเรา แต่ก็อร่อยดีเพราะว่าผมชอบกินปลาอยู่แล้วด้วย
ผมอยากจะบอกให้ท่านผู้อ่านทราบทั่วๆกันนะครับ ว่าที่พม่านี้เขาไม่นิยมกินน้ำแข็งกัน เขาบอกว่าคนเรานั้นกินน้ำเปล่าก็ดีอยู่แล้วนี่นา กินข้าวเสร็จก็กินน้ำเปล่าๆนี่แหละตามลงไปก็ดีที่สุด ทำไมจะต้องกินน้ำที่แช่น้ำแข็งให้เป็นน้ำเย็นด้วย
ผมว่าคนเรานั้นมีความคิดที่แตกต่างกัน ของอะไรที่ชอบก็หากินเถอะครับ แต่ว่าขออย่างเดียวต้องไปอยู่ในที่ถูกต้องและถูกเวลาด้วยครับ เหมือนกับว่าที่ไหนไม่มีเราก็ไม่กินไม่เรื่องมากนั้นแลฯ



ดังนั้นในตอนแรกที่เขาจัดอาหารมาใหม่ๆนั้น ก็จะมีแก้ววางอยู่ด้วย แล้วคนที่จัดอาหาร ก็จะหิ้วกระป๋องน้ำแข็งเล็กมาใบหนึ่ง ในนั้นมีน้ำแข็งไม่มากนะครับ มีพอที่จะใส่ลงไปในแก้วน้ำ แบ่งๆกันไปทั้งแปดแก้ว
แล้วเขาก็รินน้ำใส่ลงไป ก็จะมีน้ำแข็งลอยอยู่ในแก้วเล็กน้อยประมาณ 3-4 ก้อนเท่านั้น (โปรดดูภาพประกอบ) และต่อมาเมื่อกินข้าวกินน้ำไปเรื่อยๆแล้ว น้ำก็จะหมด ทีนี้ก็ต้องกินน้ำธรรมดาแล้วละ น้ำแข็งเขาไม่มีให้แล้วครับ แต่ถ้าอยากกินน้ำเย็นจริงๆเขาก็มีน้ำขวดน้ำเปล่าเหมือนที่บ้านเรา แช่เย็นเอาไว้ก็สั่งได้นะครับ แต่ก็จะเสียเงินต่างหากคงขวดละไม่กี่สตางค์หรอก กินให้สมกับความอยากกินครับ
อันนี้ผมไม่ได้ว่านะครับ แค่น้ำแข็งนิดเดียวที่พม่าก็ขี้เหนียวด้วย ไม่ใช่นะครับ แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่นิยมกินด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบได้นั่นเองครับ แหม ... ทางร้านหรือภัตตาคารก็เคร่งครัดเสียจริงๆ พวกท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่ไปเที่ยวมาแล้วก็เหนื่อย ก็หิว ก็ร้อนมา จึงอยากจะดื่มน้ำที่แช่น้ำแข็งเย็นๆสักแก้วใหญ่ใหญ่ จะได้ชื่นใจบ้างก็เท่านั้นแหละครับ
มีเรื่องตรงกันข้ามกับที่เล่าเรื่องน้ำแข็งมาแล้วก็คือเรื่องผงชูรสนั่นเอง ที่พม่านี้เขานิยมกินผงชูรสกันเป็นอย่างมาก ซึ่งตรงกันข้ามกับเรื่องน้ำแข็ง เขาจะทำอาหารอะไรเขาก็จะตักผงชูรสใส่ลงไปในปริมาณค่อนข้างมาก นายซายซายบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นอาหารชนิดไหนที่พม่าก็จะใส่ผงชูรสลงไปทั้งนั้น แม้แต่น้ำปลาก็ไม่เว้นเลย


อิ่มอร่อยกันกับอาหารมื้อแรกในเมืองย่างกุ้งประเทศพม่าแล้ว
เรื่องนี้เท็จจริงอย่างไรผมก็ไม่ทราบ ไกด์ของผมคือนายซายซาย ได้เล่าเรื่องต่างๆของพม่าที่บนรถในขณะที่รถวิ่งอยู่ ได้เล่าให้พวกผมฟัง ผมก็มาเล่าสู่กันฟังอย่างนี้แหละครับ
กินอาหารที่นี่กันอย่างเอร็ดอร่อยอิ่มหนำสำราญแล้ว หลังจากที่ป้อแป้มาตั้งแต่สายๆ ตอนนี้มีกำลังวังชาดีขึ้นแล้ว จะไปไหนก็ไปกันครับ
ติดตามตอนต่าง ๆ ของเรื่อง "ไปเที่ยวพม่า" ได้ตามลิงค์ข้างล่างครับ
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 1 เตรียมการเดินทางไปพม่า
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 2 ความรู้ต่างๆจากไกด์ชาวพม่า
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 3 พระเจดีย์กลางน้ำเยเลพญา ที่เมืองสิเรียม
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 4 อาหารมื้อแรกที่เมืองย่างกุ้ง (ตอนที่กำลังเปิดอยู่นี้)
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 5 พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี และ เทพกระซิบ
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 6 นัตโบโบยี (natboboyee) หรือเทพทันใจที่เมืองย่างกุ้ง
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 7 ตลาดสก๊อตที่ย่างกุ้ง (Scott Market)
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 8 พระมหาเจดีย์ ชเวดากอง
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 9 โรงแรมเรือVintage Luxury Yacht Hotel ที่เมืองย่างกุ้ง
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 10 วัดไจ๊ปุ่น (KYAIK PUN PAGODA) ที่หงสาวดี