เรารักสุพรรณ สถานที่ท่องเที่ยวสุพรรณบุรี

ค่ำคืนอันเลวร้าย 5
เขียนโดย Patipat suwanmutcha

 

ไอ้หัวโล้นยังขับตะบึงไปข้างหน้าท่ามกลางอากาศที่มืด คุณสมศักดิ์นั่งด้วยใจระทึก
พยายามจะแย่งพวงมาลัยเพื่อให้มันหยุดรถก็ไม่สำเร็จ กลับถูกไอ้โล้นฟาดหน้าเอาหลายครั้ง ทำให้แผลที่หน้าที่กำลังแห้งเลือดซึมออกมาอีกครั้ง

“จะไหนกันนี่ แล้วเขาจะพาลูกเมียผมไปไหน ”

 

คุณสมศักดิ์ถามคนขับหลายครั้งซ้ำๆ ไอ้โล้นไม่ตอบแต่ชักมีดปลายแหลมจากเอวมาขู่บอกว่าอย่าถาม ถึงขั้นนี้แล้วคุณสมศักดิ์ก็ต้องนิ่งเงียบ ไม่กล้าหือขึ้นมาอีก

รถวิ่งตะลุยผ่านไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย บางแห่งก็เป็นพื้นที่ไม่ได้ปลูกอะไร จึงมีหญ้าขึ้นรกในบริเวณที่ว่างเปล่านี้

รถวิ่งเข้ามาในไร่นานพอสมควร ประมาณ 10 กิโลเมตรเห็นจะได้ ไฟหน้ารถส่องสว่างทำให้เห็นข้างหน้าเป็นบึงน้ำใหญ่มีน้ำเต็มบึง คลื่นวิ่งเป็นระลอกตามแรงลม

ไอ้โล้นวิ่งรถเข้าไปชะลอช้าๆริมบึงน้ำนั้น ทางเส้นนี้จากบึงน้ำก็ยังมีทางลัดเลาะไปตามริมบึงอีกแต่จะไปถึงที่ไหนคุณสมศักดิ์ไม่รู้เลย

รถจอดสนิทตรงริมบึงโดยไม่ได้ไปต่อ และไม่ได้ดับเครื่องยนต์ ซึ่งครางอยู่เบาๆ

 

ไอ้โล้นเปิดประตูด้านคนขับ แล้วก้าวสวบๆอ้อมหน้ารถไปยังด้านที่คุณสมศักดิ์นั่งนิ่งอยู่

“มึงลงตรงนี้เลย กูไม่อยากไปส่งที่บ้านญาติมึงแล้ว”

“อ้าวทำไมล่ะ คุณจะมาปล่อยผมตรงนี้ไม่ได้นะ ”

“ได้ซี๊ ใช่กูมาปล่อยมึงไว้ให้ตายอยู่ตรงนี้แหละ มึงไม่มีทางจะกลับถูกหรอก หรืออาจจะฝ่าดงข้าวโพดดงมันสำปะหลังไม่ไหว หมดแรงตายในไร่นั่นแหละ ลงมา ลงมา ”

มันตวาดพร้อมกับกำมีดปลายแหลมในมือแน่น พร้อมกับกระชากประตูรถ แต่ก็ไม่ออกเพราะว่าข้างในประตูยังติดล๊อกอยู่
คุณสมศักดิ์กลัวก็กลัวแต่ในสภาพอย่างนี้ต้องฮึดและใจต้องสู้กันก่อนแล้ว
คุณสมศักดิ์คิดในใจ ถ้าเราไม่เปิดประตูลงไป ไอ้โล้นคนนี้มันก็จะอ้อมไปขึ้นทางด้านคนขับ แล้วอาจจะเข้ามาแทงเราจนตายได้ สู้ลงไปดีกว่า ถ้าสบโอกาสอาจจะมีทางรอดได้บ้าง

 

จริงอย่างที่คุณสมศักดิ์คิด ไอ้โล้นเห็นว่าคุณสมศักดิ์ไม่ยอมเปิดประตูแน่แล้ว จึงเดินอ้อมมาทางด้านคนขับ แล้วมันก็จัดแจงจะมุดเข้าประตูจับคุณสมศักดิ์ทางนั้น

แต่ยังไม่ทันที่มันจะมุดเข้าไป คุณสมศักดิ์ก็เปิดประตูพรวดออกไป แต่คุณสมศักดิ์ก็เคลื่อนไหวได้ไม่เร็วมากเพราะหมดแรง และปวดชายโครงที่โดนซ้อมมา เจ็บเสียวชายโครงไปหมด

ไอ้โล้นเห็นดังนั้นจึงอ้อมกลับมาอย่างรวดเร็ว ในมือกำมีดปลายแหลมแน่น ถึงตัวคุณสมศักดิ์แล้วมันเตะโครมเข้าที่หน้าอกเสียงดังสนั่น

คุณสมศักดิ์ล้มลงจุกแน่นหน้ามืดนอนตะแคงแล้วก็หมดสติไป อยู่ตรงป่าหญ้าข้างบึงน้ำนั่นเอง

เหตุการณ์ต่อจากนั้นคุณสมศักดิ์จึงไม่รู้อะไรทั้งสิ้น

 

เป็นเวลานานพอสมควร คุณสมศักดิ์ถึงจะรู้สึกตัวค่อยๆฟื้นขึ้นมา กระดิกตัวแล้วค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง มองไปรอบๆบริเวณอากาศยังมืดมิด บนท้องฟ้ามีดาวขึ้นเกลื่อนทั้งท้องฟ้า จึงทำให้มองเห็นอะไรอย่างจางๆได้บ้าง

มองไปไกลไม่เห็นมีแสงไฟจากบ้านคนเลย พื้นที่อันกว้างใหญ่นี้เป็นแต่เรือกสวน และไร่อ้อย ไร่ข้าวโพด

ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเท่าไรแล้ว นาฬิกาที่ข้อมือก็หลุดหายไปตอนที่ชุลมุนแย่งปืนกันกับคนผมหยิกร่างสูง แล้วมันก็แย่งปืนไป

ครั้งสุดท้ายก่อนที่คุณสมศักดิ์จะหมดสติไป เขาจำได้ว่าเขานั่งรถมากับไอ้โล้น มาถึงตรงขอบบึงใหญ่นี้แล้วโดนมันทำร้ายถึงกับหมดสติลงไปตรงดงหญ้า

เขาคิดว่าทำไมไอ้โล้นจึงไม่ฆ่าเขา ปล่อยให้เขามานอนหลับอยู่ตรงนี้ หรือว่ามันคงคิดว่าเขาตายไปแล้วก็อาจเป็นได้ จึงได้รีบหนีไป หรืออะไร อะไร อะไร คุณสมศักดิ์พยายามคิดหลายตลบ

 

จะอย่างไรก็ตามคุณสมศักดิ์ก็ถูกมันปล่อยไว้ตรงนี้แล้ว และโชคดีที่เขายังไม่ตาย แต่ในตอนข้างหน้าจะโชคร้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้

คุณสมศักดิ์คิดวนไปเวียนมาหลายตลบ ทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา แล้วก็คิดถึงภรรยาและลูก ป่านนี้พวกมันจะพาไปไหนแล้ว เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ ยิ่งคิดก็ยิ่งช้ำชอกใจ อารมณ์โกรธพลุ่งพล่านขึ้นมา เขากำหมัดแน่นคิดว่าถ้ารอดไปได้จะตามล่ามันอย่างถึงที่สุด

 

ฝ่ายรถของคุณสมศักดิ์ที่คุณมาลีกับอินเดียลูกสาวนั่งมาด้วยนั้น คนผมหยิกร่างสูง ผิวขาว เป็นคนขับ คนที่ผมยาวเป็นกระเซิงร่างเตี้ยผิวคล้ำ สวมเสื้อผ้าแบบชุดฝึกของทหาร แถมยังใส่รองเท้าบู๊ท คอมแบทของทหารอีกด้วย เนื้อตัวเหม็นสกปรก นั่งคู่กับคนขับ

ทั้งสองคนชั่วสารเลว ไม่ได้คุยกันมาเลยตลอดทาง บางครั้งคนหนึ่งก็หันมาตวาดเสียงดังกับคุณมาลีที่พูดด่าทอมันตลอดเวลา

หลังจากรถของไอ้โล้นกับคุณสมศักดิ์แยกลงถนนลูกรังไปแล้ว คนผมหยิกที่วิ่งตามกันมาก็ไม่เลี้ยวลงตามไปด้วย

คงขับตะบึงเลยไปต่อไปอีกพักหนึ่ง มีทางแยกเล็กๆเป็นถนนลาดยางเล็กๆ คล้ายกับถนนระหว่างหมู่บ้าน ทางด้านขวามือ มันเลี้ยวรถลงไปทางนั้น

 

“พวกมึงจะพากูไปไหนกันนี่ ทางนี้มันไม่ใช่ทางไปบ้านญาติกูนี่หว่า” คุณมาลีพูดเสียงดัง

“มึงเงียบไปเลยอีคุณนายของไอ้อ่อนหัด เดี๋ยวก็รู้เอง มึงไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแล้วจะดีเอง เดี๋ยวกูตบปากฉีก ”

คนนั่งข้างคนขับตวาด ทำให้คุณมาลีเงียบเสียงลง และคิดว่าจะพูดอย่างไรก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว สู้เงียบๆเสียดีกว่า

ตอนนี้อินเดียหยุดร้องไห้แล้ว เธอร้องจนไม่มีน้ำตาจะไหล ดีนะที่ว่ายังไม่มีใครได้ทำร้ายเธอเลย เธอนั่งอยู่ในอ้อมอกแม่ของเธอตลอดเวลา

 

ในสถานการณ์เช่นนี้สองคนแม่ลูกยังไม่ได้กินอาหารอะไรกันมาเลย ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอย่างนี้ ป่านนี้คงอิ่มหนำสำราญ และหลับนอนที่บ้านคุณยายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นตอนนี้หิวก็กลายเป็นไม่หิวแล้ว

ถึงแม้จะอิดโรยอย่างไรก็จำเป็นต้องจะต้องอดทน และลืมตาดูเหตุการณ์ตลอดเวลา คุณมาลีคิดว่าป่านนี้สามีของเธอ ที่ไปกับคนหัวโล้นนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ เธอได้แต่ภาวนาให้สามีของเธอเอาตัวรอดและปลอดภัยได้

 

แต่ในสถานการณ์เช่นนี้คงยากที่จะมีคนช่วยแล้ว คงไม่รอดเสียมากกว่า นอกจากจะมี ปาฏิหาริย์ เกิดขึ้นเท่านั้น

คนผมหยิกขับรถไปอีกสักพักหนึ่ง เห็นมีแสงไฟจากหน้ารถส่องสว่างวิ่งกวดตามมาอย่างรวดเร็ว มันกระพริบไฟสูงต่ำสองสามครั้งเหมือนเป็นสัญญาณ คนผมหยิกที่เป็นคนขับมองกระจกมองหลัง ก็รู้ว่าเป็นรถของไอ้โล้นวิ่งตามมานั่นเอง

มันจึงชะลอรถแล้วรถที่วิ่งตามมาก็มาทันมาจอดตรงท้ายรถแล้วทั้งสองคันก็ดับเครื่องยนต์แต่ไม่ปิดไฟหน้า ที่ต้องดับเครื่องยนต์นั้น เพราะว่าในความเงียบสงัดเช่นนี้ เสียงจะดังไปไกล ไอ้ผมหยิกร่างสูงเปิดประตูลงจากรถเดินมาถามไอ้โล้น

“เป็นไง เรียบร้อยหรือเปล่า ”

 

ถึงมันพูดกันเบาๆอย่างไร คุณมาลีที่นั่งอยู่ในรถก็ได้ยินเพราะความเงียบสงัดของราตรีนี้

“เรียบร้อยแล้วพี่ ผมเอามันไปทิ้งไว้ข้างบึงใหญ่อย่างที่พี่บอก แล้วก็ตามพี่มานี่แหละ ”

“แล้วมึงทำให้มันตายอย่างที่กูบอกหรือเปล่า ”
“ไม่หรอก” ไอ้โล้นบอก

“พอลงจากรถผมเตะอัดมันอีกทีหนึ่ง มันแน่นิ่งสลบเหมือดไป ไม่รู้ว่ามันจะตายหรือเปล่า ”

“อ้าวทำไมมึงไม่ดูให้มันแน่ใจวะ หรือแทงมันอีกสักทีก็ได้ ”

“ไม่ต้องหรอกแค่นี้ผมก็ว่ามันก็ไม่รอดแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ตาย มันก็หาทางกลับไม่ถูกหรอก มันคงตายคาป่าหญ้านั่นแหละ ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไร”

“เฮ้ยไม่ได้แล้ว เผื่อว่ามีรถชาวบ้านผ่านเข้าไปล่ะ ถ้าเห็นมันเข้าเขาก็ต้องช่วยมันกลับมา สอบถามมัน แล้วเขาก็จะพามันไปแจ้งความตำรวจอยู่ดี มึงนี่ใช้ไม่ได้เลย พับผ่าซี ไอ้เวร” ไอ้ผมหยิกด่าลูกน้อง

 

คุณมาลีเงี่ยหูฟังที่สองคนพูดกันได้ยินตลอด และรู้ว่าสามีของเธออาจจะยังมีชีวิตอยู่ เธอภาวนาว่าขอให้คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วยเถิด แล้วก็ร้องไห้กันทั้งแม่และลูก

สักครู่หนึ่งคนสูงผมหยิกก็เดินมาบอกไอ้ผมยาวที่ยังนั่งอยู่ในรถ คุมแม่ลูกอยู่

“มึงอยู่ที่รถคุมตัวอีสองคนนี้ไว้ดีๆอย่าให้มันหนีลงจากรถได้ กูจะไปกับไอ้โล้น เดี๋ยวมา ”

มันสั่งสั้นๆแล้วเดินไปที่รถของมันซึ่งไอ้โล้นเริ่มติดเครื่องรออยู่แล้ว

 

“ไปเลยรีบไป มึงทิ้งมันไว้ตรงไหน กูจะดูให้แน่ชัดถ้ามันยังไม่ตาย ต้องเอาตัวมาให้ได้ หรือฆ่ามันทิ้งลงบึงเสียเลย มันจะได้พูดอะไรให้ใครรู้ไม่ได้ ”

ไอ้โล้นกลับรถอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งกลับไปทางเดิม สักพักใหญ่ๆ ก็มาถึงทางแยกทางลูกรังที่จะเข้าไร่ ที่ไอ้โล้นกลับออกมา

แสงไฟหน้ารถพุ่งสว่างจ้า มุ่งตรงไปจุดที่ไอ้โล้นบอก
ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆและทางไม่ดีทั้งคู่จึงใช้เวลาไปพอสมควร

 

ต่อมารถก็วิ่งถึงที่หมายแสงไฟหน้ารถส่องสว่างเห็นละลอกน้ำในบึงใหญ่ข้างหน้าแล้ว

คุณสมศักดิ์มองเห็นแสงไฟมาแต่ไกล ในขณะที่คุณสมศักดิ์กำลังก้มโน้มตัวลงวักน้ำริมบึงเข้าปากด้วยความกระหายด้วยความอยากน้ำ จะเป็นน้ำอะไรก็ต้องกินประทังชีวิตเอาไว้ก่อน

เขาหยุดนิดหนึ่งหันไปทางแสงไฟที่กำลังใกล้เข้ามา และใกล้เข้ามา

เขาคิดว่าถ้าเป็นรถชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นผ่านมา เขาก็จะวิ่งไปคอยที่ถนน แล้วก็จะโบกมือขอความช่วยเหลือ

แต่คิดอีกทีถ้าเป็นรถของพวกมันที่วิ่งย้อนมาตามล่ะ เขาก็จะต้องถูกจับตัวไปอีก จะขัดขืนต่อสู้ก็ไม่ไหวแล้ว เรี่ยวแรงหายไปหมดด้วยความอิดโรยและโดนทำร้าย

คุณสมศักดิ์คิดสองจิตสองใจว่าจะเอาอย่างไรดี ในที่สุดคิดได้ว่าจะต้องแอบซ่อนตัวนิ่งๆเอาไว้ก่อนจะดีกว่า เพื่อป้องกันความผิดพลาด

 

เขารีบวิ่งมุดเข้าไปในพงหญ้าหนาทึบ แล้วนอนนิ่งอยู่ในพงหญ้านั้น สายตาก็มองดูรถที่กำลังวิ่งเข้ามาเพื่อจะได้รู้ว่าเป็นรถใครกันแน่

สักครู่หนึ่งรถคันนั้นก็วิ่งมาตรงที่ไอ้โล้นมาจอดในตอนแรก แสงไฟหน้ารถสาดส่องสว่างไปทั่วบริเวณ ตัวร้ายทั้งคู่ก้าวออกมาจากรถพร้อมกัน ในมือไอ้ผมหยิก กำปืนของคุณสมศักดิ์ที่ยึดได้เอาไว้ด้วย

 

“มึงแน่ใจว่ามาจอดตรงนี้หรือไอ้โล้น ”

“ใช่พี่ ตรงนี้แหละผมจำได้แม่นเลย เห็นรอยหญ้ายับไปหมดตรงนี้ชัดเจนเลย ”

“แล้วมันหายไปไหนล่ะ กูคิดแล้วกูไม่น่าไว้ใจมึงเลย ” ไอ้ผมหยิกหัวเสีย

“ฆ่ามันด้วยมีดก็สิ้นเรื่อง มึงทำพลาดแล้วไอ้โล้น”

 

ไอ้โล้นไม่ได้โต้ตอบอะไร ทั้งคู่เดินวนเวียนเพื่อจะไปดูให้ทั่วบริเวณ ไม่เว้นแม้แต่ตรงชายๆน้ำ ยังดีที่พวกมันไม่มีไฟฉายมาด้วย จึงมองได้ไม่ชัดนัก

ในตอนนี้คุณสมศักดิ์กลั้นหายใจแล้วก็คิดว่าอย่าให้มันเดินมาตรงพุ่มหญ้านี้เลย แต่ถึงกระนั้นทั้งสองคนนั้นก็เกือบจะก้าวเข้ามาเหยียบหัวคุณสมศักดิ์อยู่แล้ว......